Thursday, April 29, 2010

เพื่อนร่วมทาง


เคยรู้สึกแบบนี้มั้ย เวลาที่ขึ้นรถทัวร์ VIP 24 ที่นั่งเมืองไทย เบาะนุ่ม ที่กว้างสบาย แต่คล้ายๆ ว่าคนขึ้นไม่เคยรู้จักเพื่อนร่วมทาง
จริงๆ เลยว่าเป็นใคร ทุกคนขึ้นมาหาที่นั่ง ปรับแอร์ หยิบหูฟัง หรือคว้ามือถือมาโทร พอหนังฉาย ทุกคนก็จ่อสายตาไปที่จุดเดียว เว้นแต่บางคนที่อาจเหม่อสายตาออกนอกหน้าต่างมองโลกสองข้างทางที่วิ่งสวนไป เช้าอีกทีถึงปลายทางก็แย่งกันลง ไม่มีความทรงจำหลงเหลือว่าเพื่อนร่วมทางของเราคือใคร

ตรงข้ามกับบัสลาวในเส้นทางสมบุกสมบัน ถึงรถเราจะร้อน เบียดกันเพราะด้านหลังคนขับขนอะไรมาเต็มไปหมด แต่เปิดภาพนี้ขึ้นใน Notebook แล้วบอกได้มีทั้งสาวเบลเยี่ยมอารมณ์ดีที่ยืนถือขวดโออิชิอยู่ตรงกลาง ยิวสองคนตรงข้างๆ กับออสเตรเลี่ยนอีกคนตรงด้านหลัง ที่เหลือก็เป็นชาวเขาที่สดใสไม่แพ้กัน

ลงจากรถ ปัดฝุ่นออกจากตัว จับมือร่ำลา...

เส้นทางหลวงน้ำทา สู่พงสาลี



สถานีรถหลวงน้ำทาตั้งเด่นอยู่ตรงข้างหน้า หลังจากสี่ชั่วโมงกับรถบัสคันน้อยในเส้นทาง r3 จากเมืองห้วยทรายมาถึงที่นี่ แต่เป้าหมายเบื้องต้นที่แขวงพงสาลี (Phongsali)กลับอยู่ไกลออกไป เพราะคำแนะนำจากคนขาย "ปี้โดยสาร" (ลาวไม่ใช้ตั๋ว เพราะคำว่า ตั๋ว มันคือโกหก ในภาษาลาว เลยใช้ปี้ ตามภาษาจีนแทน) บอกว่าควรย้อนลงไปเมืองอุดมไซก่อน เพราะรถที่ไปจากหลวงน้ำทามันจะผ่านเข้าชายแดนจีนแล้ววกขวาเข้าพงสาลี ซึ่งด่านตรงนั้นม่ายช่ายด่านสากล คนต่างชาติอย่างเราผ่านไม่ได้

ไม่เป้นไรครับ แวะเมืองไซ นี่ก็ดี ขอบอกว่าที่นี่เป็นถิ่นสาวงามเมืองลาวเลย ถึงกับมีเพลงคึดฮอดสาวเมืองไซ....

Wednesday, April 28, 2010

Xishuangbanna คือที่ไหน?


Xishuangbanna คือที่ไหน?

เดินไปมาใน ห้วยทราย ฝั่งลาว ก็เจอเข้ากับป้ายนี้ โปรโมท Xishuangbanna หลายคนมองแล้วงงว่ามันที่ไหน อันที่จริงก็คือ “สิบสองปันนา” แต่สะกดตัวปินยินแบบจีน ที่ใช้ตัวอักษรอังกฤษ เหตุที่จีนเข้ามาตั้งป้ายโปรโมทที่นี่ เพราะนี่เป็นจุดข้ามสำคัญของชาวแบคแพคเกอร์จากฝั่งไทย ไปลาว หลายคนอาจตัดสินใจเลือกเดินทางต่อเข้าจีนแทนที่จะลงใต้สู่เมืองหลวงพะบาง นับว่าทำแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวแบบถึงลูก ถึงที่ นับว่าสุดยอดจริงๆ

“มารพิณ” เคยเห็นที่คล้ายๆ กัน เมื่อหลายปีก่อนที่ การท่องเที่ยวมาเลเซีย ทำป้ายบิลบอร์ดอันเบ้อเริ่ม มาดักอยู่หน้าสนามบินภูเก็ต งานนั้นก็มันส์ดีเหมือนกัน คือฝรั่งมาภูเก็ตแล้วอาจตัดสินใจไปต่อเข้ามาเลย์ไป เขาดักนักท่องเที่ยวกันบนเส้นทางจริงๆ เลย

แต่น่าเสียใจ ....ที่ไปมาหลายประเทศแล้ว ไม่เคยเจอการท่องเที่ยวบ้านเราไปทำอะไรแบบนี้ที่ไหนเลย

Tuesday, April 27, 2010

เรือข้ามโขงไปลาว


เมื่อวาน(25 หรือ 26 เมษานะ?) ข้ามโขงจากท่าเรือบั๊คฝั่งเชียงของ จังหวัดเชียงราย มาฝั่งลาวที่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว มองไปมองมาสะดุดตากับถังแก๊สที่ตอนแรกนึกว่าเรือขนมา แต่มองไปอีกที ทำไมอยู่ท้ายเรือ ที่แท้ก็เป็น “เรือแก๊ส” ใช้แก๊สแทนน้ำมันข้ามฟากในยุคน้ำมันแพง เศรษฐกิจฝืดเคือง ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเครื่องเรือแบบนี้ก็ใช้แกส LPG ได้ด้วย

สำหรับ ค่าเรือ 40 บาท ต่อคน ส่วนค่ารถสามล้อเครื่องจากที่จอดรถทัวร์เชียงของมาที่ท่าเรือก็ 30 บาทครับ

รถทัวร์บขส.มาที่เชียงของนี่มีแต่ ป.1 ถ้า vip 24 ที่นั่งจะมีเฉพาะ “สมบัติทัวร์” แต่ต่อไปคงจะมีกันหมดทุกทัวร์ เพราะเมืองเล็กๆ ชายแดนแห่งนี้กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปตลอดกาล เพราะพอสะพานข้ามโขงที่จีนกับไทยออกทุนสร้างเสร็จก็จะเชื่อมเส้นทางสำคัญ R3 จากคุนหมิง มณฑลยูนนาน ผ่านลาว ข้ามโขงเข้าไทย ไปกรุงเทพฯ ยาวลงไปจนถึงมาเลเซียและสิงคโปร์

มุมหน้าต่างบนเส้นทางหุบเขาเสือกระโจน



เกสต์เฮาส์ที่วิวดีที่สุดแห่งนึงที่ “มารพิณ” เคยไปมา คือ Tea Horse Guesthouse บนเส้นทางเดินเทร็คกิ้งเส้นบนของ “หุบเขาเสือกระโจน” “หู่เที่ยวเสีย” Tiger Leaping Gorge (Chinese: 虎跳峡; pinyin: Hǔtiào Xiá)

ราคาค่าห้องแค่ไม่กี่สิบหยวน แต่ดูวิวที่นอกหน้าต่างโน่นสิ ภูเขาหิมะมังกรหยกตั้งตระหง่านอยู่เสียดฟ้า นอนหงายเหยียดตัวยาว มองยอดเขาเปลี่ยนจังหวะสีไปตามแสงใกล้ตกดินของดวงอาทิตย์ ข้างล่างลงไปที่มองไม่เห็นคือโตรกธารลึกซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแยงซีเกียง

สมัยก่อน ตอนที่ไม่มีปัญหาโลกร้อน ว่ากันว่ามีแต่หิมะขาวโพลน สุดยอดจริงๆ ถึงแม้ไม่สวยขนาดนั้นก็ยังงามจับใจ ใครมาถึงลี่เจียง ในยูนนานแล้ว ไม่ควรพลาดมาที่นี่ แต่ต้องเส้นทางเดินเท้าข้างบนเท่านั้นนะ ไม่ใช่ริมน้ำที่พวกทัวร์พาไปดู

Wednesday, April 7, 2010

เสียมเรียบ กัมพูชา



ภาพรกๆ ถ่ายมาจากที่เกสต์เฮาส์ในเสียมเรียบ(Siem Riep) กัมพูชา จำได้ว่าตอนนั้น (ต้นปี 09) กำลังเหนื่อยกับการเดินทาง ไปดูปราสาทหินร้อนๆ มาทั้งวัน เลยเหวี่ยงทุกอย่างให้พ้นตัวแล้วทิ้งตัวนอน ปัญหามีอยู่ตอนที่ต้องมาจัดข้าวของกันใหม่ก่อนเช็คเอาท์ แนะว่าคืนสุดท้ายก่อนออกจากที่พักแต่ละเมือง ลองรื้อข้าวของออกมาดู เก็บให้เรียบร้อยก่อน ขืนรอตื่นแล้วค่อยมาจัดจะเห็นความวุ่นวายอย่างในรูป

สับปรสในก๋วยเตี๋ยว?



สับปรสในก๋วยเตี๋ยว? ดูหน้าตาประหลาดของก๋วยเตี๋ยวปลาทอด(เส้นขนมจีน) ถ้วยนี้แล้วชักไม่ค่อยแน่ใจว่ากำลังกินอะไรอยู่กันแน่ แต่แถวนี้ โดยเฉพาะทางภาคเหนือของเวียดนาม เขาชอบเอาผลไม้เปรี้ยวแบบพวก สับปะรส มะเฟือง มาแต่งรสน้ำซุป แต่ไม่น่าเชื่อว่าที่ออกมาจะรสดีเกินคาด โดยเฉพาะแถวตลาดด่งซวน (Dong Xuan Market -Chợ Đồng Xuân) ของฮานอย ที่ตอนกลางคืนหลังสองทุ่มจะมีร้านขายเหลา LAU หรือหม้อไฟเวียดนามเต็มไปหมด ซุปของแทบทุกร้านใช้ผลไม้เปรี้ยวทั้งนั้น แต่รสออกมาใช้ได้เลย

Tuesday, April 6, 2010

หมอกเช้าคลุมเมืองซาปา


ทันทีที่ถึงเมืองไทยเมื่อวานซืน มีคนรู้จักถามไถ่มาว่า เวียดนามเดือนมีนาร้อนมั้ย คำตอบที่เพิ่งสัมผัสมาคือ "ไม่" เช้าตรู่ในฮานอย(Ha noi )ในวันที่จากมาอยู่ที่ 19-20 C. สบายๆ ออกถึงกับหนาวสำหรับบางคน บางจังหวะที่ลมตึงพัดแรงผ่านตรอกในย่านเมืองเก่าริมทะเลสาบฮวน เกี่ยม(Hồ Hoàn Kiếm)เล่นเอาวูบแบบหน้าหนาวขนานแท้เหมือนกัน


แต่คงไม่เท่า ซาปา(Sapa) เมืองตากอากาศเก่าของฝรั่งเศสที่จังหวัดหลาวกาย ที่เย็นได้เย็นดี เช้าหมอกคลุมสนิท สายมาแดดก็ยังไล่หนาวไม่ได้ แถมฝนดอยที่ตกบ่ายๆ เย็นๆ ยิ่งลดอุณหภูมิให้ดิ่งลงในช่วงเย็นกับกลางคืน แถมทิ้งเชื้อความชื้นไว้เติมไอหมอกตอนเช้าอีกต่างหาก เดือนมีนาใกล้พ้นแล้วก็ยังหนาวอยู่

ตื่นงัวเงียมองไกลออกจากหน้าต่างโรงแรม ภูเขาฟานซีปาน(Fansipan) ที่เห็นเมื่อเย็นวานไม่เหลือเงาให้เห็นฝ่าสายหมอกทึบตอนใกล้หกโมงเช้า พื้นกระเบื้องบนระเบียงชุ่มน้ำค้างยิ่งกดดันให้วางกล้องกระป๋องลงซะ แล้วนอนต่อ ผ้าห่มก็อุ่น เมื่อคืนก็ดึก กำหนดนัดเช้าก็ไม่มีระบุ.....

แต่ลมภูเขาที่วิ่งเป็นสายเข้ามาในหุบคอยพัดหมอกกระเพื่อนเป็นระลอกทำให้อดใจดูต่อ อีกนิดและอีกนาน