Tuesday, June 8, 2010

ซัวเถาทูเดย์



ซ่านโถว (Shantou)หรือเรียกกันว่า ซัวเถา ในคำภาษาแต้จิ๋ว (จีนกลางจะเรียกภาษาแต้จิ๋วว่า เฉาโจวฮวั่ว)เหมือนเมืองทั่วไปในจีนแผ่นดินใหญ่คือแบ่งภาคออกเป็นสองส่วน ฟากเดิมอาการเก่าเก็บคุกคาม ไร้ระเบียบ มีแต่โทรมกับทรุด ส่วนเมืองใหม่ตระหง่านเสียดฟ้าด้วยยอดตึกสูง ถนนกว้างทอดยาวสุดสายตา ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ตระการตา แต่แค่เผลอสายตานิดเดียวกลับเห็นภาพลุงขอทาน เร่ขอเศษเงินตามไฟแดง ในยามปลอดจิ่งฉา(ตำรวจ)ตามสี่แยก

Thursday, May 13, 2010

ถึงปากอูและหลวงพะบาง




จากเที่ยงและอีก 5 ชั่วโมงบนเรือ ในที่สุดก็จบทริปล่องน้ำอูตลอดสายลงใต้จนถึง "เมืองหลวง" หรือหลวงพะบางลงได้ น้ำอูมาบรรจบกับโขงที่ตรงถ้ำปากอูพอดี คำว่า "ปาก" หมายถึง "ปากน้ำ" ที่แม่น้ำสายเล็กมาเจอสายใหญ่ เหมือนที่ทางเหนือเรียกว่า "สบ" วิธีการเรียกปากน้ำแบบนี้เหมือนกับในภาษาจีนกลาง ที่ใช้ "โข่ว" ซึ่งแปลว่า "ปาก" เหมือนกัน อย่างเมืองเหอโข่ว ในฝั่งจีน ตรงข้ามจังหวัดหลาวกายของเวียด นั่นก็มีความหมายตรงๆ ว่าปากน้ำ





แดดคล้อยมากแล้ว และวิวโขดหิน เกาะแก่งในน้ำโขงในแสงสีเหลืองยิ่งดูสวยเป็นพิเศษ ยิ่งปีนี้เป็นปีแล้งประวัติการณ์ของภูมิภาคนี้ ยูนนานแล้งที่สุดในรอบหกสิบปี ยิ่งทำให้แก่งหิน สูงขึ้นเหนือน้ำเป็นภาพแปลกตาที่ไม่ต้องบรรยาย

Wednesday, May 12, 2010

ไฟฟ้าพลังน้ำอู




ล่องเรือจากหนองเขียว มาต่อบนเส้นทางหลวงพระบางก็ได้เห็นภาพอุปกรณ์หน้าตาประหลาดที่หลายคนอาจไม่เคบเห็นมาก่อน ด้านบนมีตัวหมุน พยุงด้วยมัดไม้ไผ่ให้ลอยน้ำได้ ส่วนด้านล่างใต้น้ำน่าจะมีใบพัดหรือกังหันที่เพิ่มแรงฉุดจากสายน้ำ ให้หมุนตัวปั่นไฟ เกิดเป็นไฟฟ้าพลังน้ำขึ้นมา แล้วมีสายไฟโยงไปที่ฝั่ง หมู่บ้านไหนที่ห่างไกลจะมีอุปรณ์ที่ว่าใช้งานกัน เห็นเป็นระยะตามน้ำอู ยิ่งหมู่บ้านใหญ่ยิ่งมีหลายตัวใช้งาน

Monday, May 10, 2010

แนวเขาในสายหมอกที่เมืองงอย



เมืองงอย Maung Ngoi ยามเช้าต้อนรับนักเดินทางด้วยสายหมอกเบาบางล้อมโอบพาดผ่านเทือกเขาหินปูนที่ตั้งสูงอยู่รอบด้าน สายน้ำอูเลือกที่จะไหลผ่านมามุมนึงที่สวยที่สุดในเมืองลาว จิบกาแฟตอนเช้า ชิลเอาท์กับบรรยากาศสบายๆ

ช่วงสี่ห้าปีหลัง จากเดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชายน้ำธรรมดา ที่นี่เริ่มกลายเป้นจุดแวะบนเส้นทางแบ็คแพ็คเกอร์ เพราะมาจากหนองเขียวแค่นั่งเรือหนึ่งชั่วโมง กับค่าเรือยี่สิบพันกีบเท่านั้น

สายหน่อยจะต่อเรือไปหนองเขียว แล้วหาเรือล่องต่อไปถึงปากอู

Saturday, May 8, 2010

ท่อนสองน้ำอู จาก Muang Khua สู่ เมืองงอย Muang Ngoi



ท่อนสองน้ำอู จาก Muang Khua สู่ เมืองงอย Muang Ngoi

บ่ายสามกว่าๆ พอเรือตัดคุ้งน้ำโผล่ออกมาอีกทีก็เจอเข้ากับ Muang Khua ที่เป็นจุดข้ามแพคึกคักของบรรดารถราที่จะข้ามน้ำอูแล้วมุ่งต่อไปตามถนนสายสี่ไปเข้าเวียดนามบนเส้นทางสู่เดียนเบียนฟู- Dien Bien Phu

แผนเดิมคือพักที่นี่ แล้วจับรถต่อไปเดียนเบียน ค่ารถก็ราวสามหมื่นกว่ากีบจากที่ถามๆ กันมา แต่แค่เอากระเป๋าลงจากเรือ ก็เจอเข้ากับฝรั่งกรุ๊ปใหญ่ที่วางแผนจะล่องเรือจากที่นี่ ไป เมืองงอย Muang Ngoi ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งชิลเอาท์วิวงามของฝรั่งแบ็คแพ็คเกอร์

เดี๋ยวนี้เรือกว่าจะครบคนโดยสารออกแต่ละเที่ยวก็หายาก เจอแบบนี้ต้องรีบคว้าโอกาสเอาไว้ ไม่ถึงห้านาทีที่เหยียบหาดก็รีบกระโดดขึ้นเรือลำใหม่ทันที ความคิดแล่นวาบ ถึงโอกาสที่เล็งมานานว่าจะล่องน้ำอู –Nam Ou ครบสายจากเหนือสุด ไปออกแม่น้ำโขง ที่ตรงหน้าวัดถ้ำปากอู แถวหลวงพระบาง กินระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ฝันนี้จะได้เป็นจริงเสียที แผนเดิมที่จะเข้าเวียดก็เปลี่ยนจังหวะในนาทีสุดท้าย แบบไม่ได้ตั้งใจ



น้ำอูช่วงนี้ กว้าง และสงบขึ้น ตลิ่งยังสูง แต่คุ้งน้ำกว้างขึ้นกว่าเดิม เรือวิ่งไปเรื่อยๆ ลุ้นเวลาว่าจะถึงเมืองงอยกี่โมง เพราะออกจากเมืองขวัวมาก็บ่ายคล้อยเต็มทน ช่วงเย็นเรือก็วิ่งเข้าเขตภูเขาหินปูน ลำน้ำอูกัดเซาะสองฝั่งเขาหินปูนเหมือนอยู่ฮาลองเบย์ หรือพังงา ในแสงสุดท้ายจางๆ ก็เห็นเมืองงอยอยู่ตรงหน้า เป็นแสงไฟจากร้านอาหารและเกสต์เฮาส์เรียงรายริมฝั่ง ความรู้สึกเหมือนกลับสู่อารยธรรมยังไงอย่างงั้น

ตลาดริมน้ำ


ตลาดริมน้ำ

ไม่ใช่บ้านร้าง หรือหมู่บ้านผีสิง แต่เป็นตลาดนัดริมน้ำอู ที่แลกเปลี่ยนสินค้า ขายของ พ่อค้าแม่ค้าจะขึ้นล่องมาทางเรือ ส่วนหมู่บ้านไกลๆ ริมฝั่งจะเอาของจากข้างในมาขาย แล้วซื้อของใช้จากโลกภายนอกกลับไป สมัยก่อนที่ยังไม่มีถนน น้ำอูคือเส้นทางหลักของลาวเหนือเส้นนึง และทำให้ “หลวงพะบาง” ที่อยู่ปากน้ำอู มีความสำคัญในแง่การคุมชุมทางขนส่งในเส้นน้ำอูทั้งหมด

Thursday, May 6, 2010

ล่องเรือผ่านป่าสู่ เมืองขัวว

ล่องเรือผ่านป่าสู่ เมืองขัวว





น้ำอู ช่วงจากหาดสา ในพงสาลีพาเราเลาะลัดโค้งไปมาลงใต้ไปที่ “เมืองขวัว” สองข้างทางคือป่า สลับระยะด้วยหมู่บ้านบุกเบิกใหม่มาตั้งแซม พร้อมกับร่องรอยถางป่าทำไร่ แต่ที่ไม่ขาดเลยสองข้างทางคือกองหินโขดหินสลับซับซ้อนเรียงรายตลอด ช่วงไหนที่พื้นน้ำด้านล่างเป็นหิน และตื้น สายน้ำจะวิ่งผ่านเร็ว เชี่ยวกราก เรือลำเล็กต้องเร่งเครื่องล่วงหน้าก่อนทิ้งหัวเรือลงแก่ง น้ำกระเซ็นสาดเข้ามาเป็นฝอยจนเปียกปอน




คนขับเรือ อารมณ์ดีแวะซื้อปลาจากชาวประมงเป็นระยะ ที่ได้มากสุดคือปลาแข้ หน้าตาน่ารักน่าชังที่เห็นในรูป ส่วนขนาดว่า “หย่าย” แค่ไหนก้เทียบเอากับสเกลวัดเป็นถังน้ำดื่มที่วางอยู่ติดกัน ก็แล้วกัน ราคารับซื้อแพงไม่ใช่เล่น โลละสามหมื่นห้าพันกีบลาว หรือประมาณ 130 บาทไทย